ปลูกอะโวคาโดในกระถาง แบบใช้น้ำ ปลูกไว้ทานเองในบ้าน
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่สายรักสุขภาพชอบมาก ๆ เพราะว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย ปลูกง่าย แม้ว่าจะไม่ใช่ผลไม้ของไท ยแต่ในไท ยเราก็ปลูกได้สบาย ๆ เลยเหมือนกัน เป็นต้นไม้ของทางเม็กซิโก เป็นไม้ยืนต้นสูงถึง 18 เมตรเลย ผลอะโวคาโดนั้นทานสด ๆ ได้เลย จะนำไปเป็นเมนูอื่น ๆ ก็ได้ ทานแล้วอิ่มท้องนาน รสชาติบางคนก็อาจไม่ถูกปากเท่าไหร่ แต่พอทานไปบ่อย ๆ เดี๋ยวก็อร่อยเพราะชินมันไปเอง ทานเถอะมันดี วันนี้จะมาแนะนำการปลูก
การปลูกอะโวคาโดแบบใช้ดินปลูกในกระถาง
มาเริ่มที่เอาเมล็ดอะโวคาโดมา โดยแกะเอามาจากผลแก่ได้เลย เอามีดฝ่าอย่ างระมัดระวัง เพราะว่าอาจจะโดนคมมีดเสียหายได้ ต่อไปก็เอาเมล็ดไปล้างในน้ำอุ่น แล้วหาแปรงนุ่มมาถูเบา ๆ ให้เศษเนื้อที่ติดอยู่หลุดออกจนหมด แล้วเอาเมล็ดไปห่อด้วยกระดาษทิชชู่หรือผ้าสักหลาดก็ได้ ต่อไปก็เอาใส่ในถุงพลาสติก ไม่ต้องปิดถุง จากนั้นเก็บไว้ในตู้ที่แสงส่องไม่ถึง ให้ตรวจดูทุก 4 วัน ว่ากระดาษยังเปียกไหม ถ้าแห้งต้องพรมน้ำเพิ่มเพื่อให้รากงอกออกมาเร็ว ๆ
ประมาณอาทิตย์หนึ่งเราก็จะเริ่มเห็นรากงอกออกมาแล้ว เปลือกเมล็ดจะแตกออกมาแล้วก็เห็นเป็นร่องแยกลึกลงไปในเมล็ด แต่ระวังอย่ าให้เมล็ดแตก เพราะว่าเนื้อเมล็ดนั้นจะเป็นส่วนที่เป็นอาหารให้แก่รากเล็ก ๆ นั้น และยังไม่แข็งแรงดี รอให้รากย าวถึง 3 นิ้ว แล้วนำไปปลูกลงกระถางได้เลย ถ้ารากย าวเกินไปก็ติดออกให้ขนาดเหมาะสม แล้วเตรียมดินปลูกใส่กระถาง 8 นิ้ว ดินจะต้องมีความร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี รากจะเดินหาอาหารได้ง่าย
โดยดินปลูกใส่ลงไปแค่เพียงครึ่งกระถางก็พอ แล้วก็เอาเมล็ดที่รากงอกสมบูรณ์แล้วลงไป โดยให้ฐานของเมล็ดอยู่ติดกับดิน ส่วนอ้วน ๆ กลม ๆ นั้นคือฐาน ส่วนหัวเมล็ดจะมีลักษณะแหลม ๆ ให้เอาขึ้นด้านบน และวางอย่ างเบามือ ระวังอย่ าให้รากหัก เวลากลบดินก็ให้กลบโดยเหลือส่วนหัวเอาไว้ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มได้เลย แต่อย่ าให้แฉะ และรดน้ำสม่ำเสมอ พอมีใบงอกแล้วก็ใช้ปุ๋ ย 7 – 9 – 5 โดยให้ 3 เดือน/ครั้ง หรือใช้ ปุ๋ ยละลายช้าก็ได้ และพอต้นขนาดใหญ่ขึ้นก็ต้องเปลี่ยนขนาดกระถางให้ใหญ่ตามเพื่อให้ได้รับส ารอาหารที่เพียงพอ
การปลูกอะโวคาโดนโดยการเพาะในน้ำ
สำหรับการปลูกโดยใช้น้ำก็ไม่ย ากเลย แกะเอาเมล็ดออกมาอย่ างเบามือเหมือนกัน แล้วก็ถูให้สะอาด ๆ ด้วยแปรงขนนุ่ม ๆ อย่ างระมัดระวัง
แล้วก็เอาส่วนฐานล่างของเมล็ดอะโวคาโด่มาใส่ลงไปในน้ำ รากจะงอกออกมาทางฝั่งนั้น สังเกตดูฐานที่กว้างอ้วน ก็เอาด้านนั้นแช่น้ำ ด้านแหลมจะเป็นจุดที่ต้นงอกออกมา
ต่อไปก็นำไม้จิ้มฟั น 4 ไม้ แท งเข้าไปในเมล็ดเลย เอาแค่ลึกพอประมาณ เว้นระยะห่างในการแท งแต่ละด้านให้เท่า ๆ กัน โดยแท งในมุมเฉียงลงมาด้านล่างเล็กน้อย ไม้จิ้มฟั นนี้จะเป็นไม้ช่วยค้ำไม่ให้เมล็ดโยกคอนในตอนที่แช่น้ำไว้
จากนั้นก็เอาแก้วมาใส่น้ำให้จนเกือบจะเต็มเลย แล้วเอาเมล็ดอะโวคาโดหย่อนลงไปในน้ำได้เลย ใช้แก้วใสจะทำให้เรามองเห็นน้ำในแก้วได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนน้ำแล้วหรือยัง
ไม่นานประมาณ 2 – 8 สัปดาห์จะเริ่มมีการแตกรากออกมาแล้ว ลำต้นจะค่อย ๆ งอกขึ้นมาด้านบนเลย รากก็จะจุ่มลงในน้ำ ระวังอย่ าให้น้ำแห้งเพราะจะทำให้รากเห ี่ยวต้นเฉาได้ แต่ก็ระวังอย่ าให้เน่า
พอรากย าวได้ที่แล้ว มีต้นออกมาแล้วสูงประมาณ 6 นิ้ว ก็ให้ดึงเอาไม้จิ้มฟั นออกมา จากนั้นตัดรากให้เหลือแค่เพียง 3 นิ้ว แล้วนำไปปลูกลงกระถาง 8 นิ้วได้เลย แล้วกลบดินให้เรียบร้อย โดยให้ต้นโผล่ขึ้นมาเหนือดิน แล้ววางในที่มีแสงแดดส่องถึง
เสร็จแล้วก็รดน้ำบำรุงได้เลย โดยให้ดินนั้นมีความชุ่มชื่นอยู่ตลอด แต่อย่ าให้แฉะจนเกินไป เพราะถ้าน้ำเยอะไปจะเน่าได้ หรือต้นจะค่อย ๆ เหลืองไป ถ้าแฉะไปก็ให้เว้นการให้น้ำสัก 2 – 3 วันก่อนแล้วยค่อยกลับมาให้น้ำปกติเลย
หลังจากต้นอะโวคาโดสูงได้ 12 นิ้วโดยประมาณนั้นก็ให้เด็ดยอดอ่อนออกไปสัก 2 ยอด เพื่อให้มีการแตกกิ่งก้านออกมาและเจริญเติบโตได้ดี พอต้นสูงขึ้นไปอีก 6 นิ้ว ก็ให้เด็ดยอดอีกครั้ง เราก็จะได้ยอดต้นอะโวคาโดแตกเพิ่มมาอีก 2 กิ่งนั่นเอง
คอยระมัดระวังเหล่าแม ลงและเพลี้ยด้วย แล้วก็ฉีดน้ำล้างใบให้เพลี้ยหลุดไปได้เลย หรือจะใช้น้ำย าล้างจานผสมกับน้ำมันสะเดาใส่ในขวดสเปรย์แล้วพ่นก็ได้เหมือนกัน เพลี้ยก็จะไม่มากวนใจอีก แต่ก็ควรตรวจดูอยู่เรื่อย ๆ เพราะอาจมีมาใหม่ ต้นอะโวคาโดนั้นเป็นไม้ยืนต้นชอบแดด ฉะนั้นเลยปลูกกลางแจ้งได้สบาย ๆ ได้เลย แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวอาจจะต้องเอาเข้ามา เพราะว่าไม่ค่อยชอบหนาวเท่าไหร่
อะโวคาโดมีประโยชน์อย่ างไร
เป็นผลไม้ที่ประโยชน์เยอะมาก ๆ มีส่วนในการช่วยลดไขมันในเส้นเลือ ดได้ เป็นตัวช่วยในการลดความอ้วนได้เป็นอย่ างดี บำรุงให้ผมนุ่มลื่น สุขภาพผมแข็งแรง ผิวพรรณดีแข็งแรง และยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วย ทานแล้วช่วยให้อิ่มท้องได้นาน เป็นผลไม้ที่ทานได้ตลอดไม่ต้องกังวลว่าจะอ้วนเลย
สำหรับใครที่อย ากจะมีต้นอะโวคาโดเอาไว้เก็บทานเองที่บ้านก็ปลูกได้เลย ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 ปี ก็เห็นผลแล้วแต่ถ้าจะช้าหน่อยก็ประมาณ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งก็อยู่ที่สายพันธุ์อะโวคาโดที่เลือกมาปลูกด้วย และยังให้ร่มเงาได้เป็นอย่ างดีอีกด้วย
เรียบเรียงโดย kasetchaoban
